ปั้นดินให้เป็นดาวตอนที่ 1

จาก TCiAP TOEIC Homeroom วันนี้ นำเสนอ

วิธีสอนให้คนทำข้อสอบ TOEIC listening comprehension ได้คะแนนเยอะ ถ้าเรารู้ตัวว่าไม่ได้เกิดจากท้องพ่อท้องแม่แล้วพูดฟัง สำเนียงภาษาประกิต …จงทำตามดูนะไม่เสียหาย…อะไร เผื่อวิธินี้จะทำให้คุณสอบได้ Listening Part กันแบบคะแนนเต็มๆ โดยมิได้รู้ตัว

1) ก่อนนอนลองๆๆ เปิด แนวข้อสอบ TOEIC Listening Part เก่าๆ (โดยไม่ต้องสนใจว่าจะทำได้หรือไม่ได้) วิธีนี้ถือเป็นการกำหนด ลมหายใจและฝึกรวบรวมความกล้าที่จะเจอกับข้อสอบ เพราะมีหลายนาง เวลาเข้าสอบทำตัวเป็นไก่ตาแตก เหมือนกันว่าชาตินี้ทั้งชาติไม่เคยได้ยินสำเนียงในห้องสอบนี้เลย
จำนะลูก>> แค่ฝึกความกล้าไม่ได้ให้ทำ พอได้ยินบ่อยๆเธอจะรู้สึกเคยชิน ชนิดนอนหลับตาก็ฝันถึงสามีฝรั่งในอนาคตได้แบบฟินๆ

2) คิดก่อนฟัง มักจะได้เปรียบเสมอ ของแบบนี้ต้องรู้จักคาดเดาล่วงหน้า ว่าเขาต้องการทดสอบอะไร , คำถามที่เกิดขึ้นมันเกินในสถานที่ไหน , ต่อจากนี้บทความมันจะไปจบลงตรงที่ไหน , What When Where Why How คิดและเจียรไหนตามทุกอนุรูขุมขนของข้อสอบเนอะ

3) หลายคนบอกให้ฟังอย่างเดียวห้ามจดอะไร (ห้ามจับปากกา) อันนี้พี่ไม่เห็นด้วย ถ้าพูดกันพวกเก่งๆ ภาษาก็คงจะพอทำได้ แต่ถ้าพูดกับคนที่เคยโง่ภาษาอย่างพี่มาก่อน คงต้องจับปากกา ตามองไปที่คำถาม คิดและคาดคะแน ไปว่าเขาจะถามอะไรเรา นั้นแหละดีที่สุด

4) ฝึกเรียนรู้สันดาน Phonetics กันบ้างเป็นงัย

การรู้จักวิชา Phonetics ภาคปฏิบัตินั่น คือตัด Technical Terms ที่ปวดหัวออกไป แล้วมุ่งประเด็นไปที่ เสียงทั้งหมดในภาษาอังกฤษมีกี่เสียง แล้วใช้อวัยวะออกเสียงแบบไหน จากนั้นก็คำนวณ Probability ที่คำศัพท์บางคำ มาเจอกันในประโยค ที่ทำให้เกิด Connected Speech ซึ่งจะเกิดปรากฎการณ์ 3 อย่างคือ 1 Sounds Change, 2 Sounds Disappear, 3 Sounds Join Together

“กลุ่มพยัญชนะและสระชุดเดียวกันในภาษาอังกฤษไม่คงเสียงเดิมเสมอไป ในขณะที่ภาษาไทยคงเสียงเดิมเสียเป็นส่วนใหญ่”

ยกตัวอย่างเช่น

กาน ดาน ฟาน ตาน ลาน
เสียง -าน คงเดิมหมด

สระหลอกกับพยัญชนะหลอกคือกลุ่มคำที่ปรากฎในศัพท์ตัวหนึ่งออกเสียงอย่างหนึ่ง แต่เวลาปรากฎในคำศัพท์อีกตัวหนึ่งออกเสียงอีกอย่างหนึ่ง (ซึ่งกลุ่มคำพวกนี้ทำให้คนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ถึงกับเสียศูนย์ไปเลย) เช่น

ยกตัวอย่าง กลุ่มพยัญชนะสระ age
age ตัว a ออกเสียงเป็น เอ
manage ตัว a ตัวที่ 2 ออกเสียงเป็น อิ
sabotage ตัว a ตัวที่ 2 ออกเสียงเป็น อา

เรามาดูความหมัศจรรย์ของคำว่า forest กัน
คำว่า for ก็ออกเสียงไม่ลวดลายพิศดารมากนัก แต่มาดูตัวที่เหลือกัน
rest ตัว e ออกเสียงเป็น เอ
forest ตัว e ออกเสียงเป็น อิ ก็ได้ ออกเสียงเป็น schwa (เสียงเออะสั้นๆ) ก็ได้

garage ตัว a ตัวแรก คนอังกฤษออกเสียงเป็น แอ แต่คนอเมริกันออกเสียงเป็น schwa ตัว a ตัวที่ 2 คนอังกฤษบางคนออกเสียง อา บางคนออกเสียงเป็น อิ

ลองมาดู ch กับ sh กัน

chip
ship
ทั้ง 2 อัน ออกเสียง ch กับ sh ตรงตัว

แต่
ch ใน chef ออกเสียงเป็น sh
ch ใน machine ออกเสียงเป็น sh
ch ใน yacht ไม่ออกเสียง

แม้กระทั่ง voiced consonants กับunvoiced consonants ก็สร้างความแตกต่างได้มากมาย
ยกตัวอย่างเช่น
s กับ z เวลาออกเสียง อวัยวะที่ออกเสียงอยู่ในตำแหน่งเดียวกันขยับเหมือนกัน แต่ sเป็น unvoiced consonant (vocal cords จะไม่สั่น (ให้ลองจับคอด้านหน้าดู)) แต่ z เป็นvoiced consonant (vocal cords จะสั่น (ให้ลองจับคอด้านหน้าดู)) การที่พยัญชนะ s กับz วิธีออกเสียงโดยอวัยวะออกเสียงอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน แต่ต่างกันที่ vocal cordsสั่นหรือไม่สั่นนั้น ทำให้ s กับ z มีชื่อเรียกว่าpaired consonants

คราวนี้มาดูความยุ่งยากของมันกัน

bit พอเติม s เป็น bits เสียง s ยังคงเป็นunvoiced เพราะ t ก็ unvoiced

แต่ bus พอเติม es เป็น buses เสียง s ตัวสุดท้ายจะต้องเปลี่ยนเป็นเสียง z ซึ่งเป็นvoiced นั่นก็คือมันเขียน es แต่มันออกเสียงเป็น ez เพราะ e ข้างหน้าซึ่งเป็น vowel มันเป็น voiced อย่างแน่นอนเนื่องจาก vowelsทั้งหมดเป็นเสียง voiced vowels หมด ไม่มีมนุษย์คนไหนที่จะเปล่งเสียง vowel ให้มันเป็น unvoiced ได้อย่างเด็ดขาด

ลองมาดู paired consonants อีกคู่หนึ่งกัน มันคือ f กับ v
consonants ทั้ง 2 ตัวนี้ใช้อวัยวะออกเสียงเหมือนๆกันขยับแบบเดียวกัน แต่ f เป็นunvoiced (vocal cords ไม่สั่น) และ v เป็นvoiced (vocal cords สั่น)

แต่มันก็ยังดันมีข้อยกเว้นให้ปวดกบาลอีก นั่นก็คือ เวลา f ไปอยู่ใน of อย่างเช่น The Statue of Liberty ตัว f ใน of จะกลายเป็นvoiced ไป คือสะกด of แต่ออกเสียงเป็น ovซะงั้น!

ข้อยกเว้นปลีกย่อย ยังมีอีก เช่น
s ใน sure ออกเสียงเป็น sh
s ใน sugar ออกเสียงเป็น sh
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไอ้ s ที่อยู่ตรงกลางๆคำศัพท์นี่มัน “เป็นตัวเจ็บแสบสุดๆ” อย่างเช่นmission ตัว ss มันดันออกเสียงเป็น sh ไปซะงั้น!

และ i ก็ใช่ย่อยซะเมื่อไหร่ล่ะ อย่างเช่นdestiny ตัว i ฝรั่งบางคนออกเสียงเป็น อิ แต่ฝรั่งบางคนออกเสียงเป็น schwa คือเสียง “เออะ” สั้นๆ

th นี่ยิ่งตัวเจ็บแสบหนักเข้าไปใหญ่ เพราะมันมีทั้ง th ที่เป็น unvoiced และ th ที่เป็นvoiced ซึ่งสร้างความแตกต่างกันมากๆ

อีกทั้งยังมีข้อยกเว้นอีก เช่น th ใน Thomasดันทลึ่งออกเสียงเป็น t ไปซะงั้น!

การศึกษาความเป็นไปได้ให้มากที่สุด และเอาความรู้เรื่องสระหลอกกับพยัญชนะหลอก มาผสานกับความรู้เรื่อง connected speech (ยกตัวอย่างเช่น with a เวลาพูดเร็วๆ aกลายเป็นเสียง schwa จะออกเสียง th linkกับ schwa ยังไงให้ถูกต้อง do it เวลาพูดเร็วๆ จะต้องรู้ว่ามีเสียง w โผล่มาได้? see itเวลาพูดเร็วๆจะต้องรู้ว่ามีเสียง y (ตัว IPA คือj) โผล่มาได้ และอื่นๆอีกมากมาย) จะช่วยให้ผู้เรียนพูดได้ชัดมากขึ้น ต้องคิด dialoguesใน situations ต่างๆ ให้มากความเป็นไปได้ที่สุดเพื่อมาเรียนรู้หลุมพรางต่างๆที่จะทำให้ออกเสียงผิดๆ เมื่อผู้เรียนพูดชัดมากขึ้นก็จะฟังได้รู้เรื่องมากขึ้น เพราะคนที่พูดชัดขึ้นจะคาดหวังได้ถูกต้องมากขึ้นว่า native speakers น่าจะออกเสียงแบบไหน

^
ซึ่งจริงๆแล้วอยู่ดีๆจะไปเตรียมสอบ ถ้าเรียนเรื่องพวกนี้ให้ครบหมด มันก็ใช้เวลานานเหมือนกัน

สรุปแล้วนักเรียนที่เริ่มเรียนอังกฤษจากไม่กระดิกหูเลย ถ้าได้ครูที่รู้วิธีสอนดีๆกลายเป็นได้เปรียบ เพราะไม่เคยได้รับการสอนอะไรผิดๆมา ให้แก้ไขได้ยาก ถ้าได้รับการสอนให้ฟัง แล้วหัดพูดตามแต่เอาไปพูดพลิกประโยคกลับไปกลับมา อ่าน แล้วหันเอาสิ่งที่อ่านเจอไปเขียนพลิกแพลงกลับไปกลับมา พร้อมกับทำ listening/pronunciation drill (คือฟังซ้ำๆแล้วหัดพูดตาม) ในขณะได้รับการสอน practical phonetics ไปพร้อมๆกัน คือสอน session เดียวสอนให้ครบหมดทุกทักษะไปเลย แล้วสอนอย่างถูกต้องไปเลยตั้งแต่แรก มันน่าจะทำให้ผู้เรียนไม่ค่อยจะมีปัญหามากนักในทักษะใดๆ

แต่ส่วนใหญ่การสอนภาษาอังกฤษในเมืองไทยสอนเน้นแต่ grammar กับท่องศัพท์ นักเรียนถึงมีปัญหาเยอะมากๆ

ส่วนเวลาสอนทำข้อสอบจริงๆน้ัน ต้องสอนฝึกสมาธิแบบเซนหรือแบบเต๋าไปเลย กับสอนการฟังและอ่านแล้วใช้เหตุผล (ซึ่งการทำข้อสอบแบบมีทางเลือกมักจะใช้กระบวนการที่เรียกว่า reductio ad absurdum คือค่อยๆขจัดข้อที่ผิดออกไปเรื่อยๆ) จะได้เป็นการเรียนการสอนแบบ multidisciplinary อย่างแท้จริง

ก้าวเข้าสู่ปีที่ 17 กับหลักสูตรติวสอบ TOEIC หลักสูตรใหม่ ปี 2516 ที่เพิ่มความยาก และ Update เนื้อหาข้อสอบก่อนใคร ในระดับ TOEIC Intermediate เข้มข้นสุดๆ เพื่อเตรียมพร้อมสู่สนามสอบ TOEIC ไปกับเรา Cooperate in Academic Programs

TOEIC, TCiAP, TOEIC 2015, ติว TOEIC, ติวสอบ TOEIC, ติวสอบโทอิค
Line ID: @toeic (อย่าลืมเติม @ ด้วยนะ)